marvel spider man 2 รีวิว

marvel spider man 2 รีวิว ซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจมหาชน และเป็นเพื่อนบ้านที่แสนดีของคุณ กลับมาแล้ว คราวนี้มาแบบแพคคู่เลยด้วย มันจะดีขึ้นแค่ไหน ขอเชิญพบกับ Marvel’s Spider-Man 2 Video Review

marvel spider man 2 รีวิว STORY

marvel spider man 2 รีวิว น่าจะเป็นส่วนที่ไม่อยากพูดถึงหรือแตะต้อง แต่ถ้าไม่พูดถึงเลย มันจะเล่าอะไรได้ยากมาก เพราะเกมจะเปิดตัวด้วยเนื้อเรื่องใหม่แกะกล่องเลย เรื่องราวในภาคนี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งไมล์ส และปีเตอร์ กำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าสำหรับซูเปอร์ฮีโร่นั้น การจะมีชีวิตปกติมันยากแค่ไหน แซนด์แมนอาละวาดกลางเมือง ทำให้ทั้งสองคนต้องออกไปลุยด้วยกัน สภาพเมืองเละเทะไปหมด และพร้อมกันนั้น มหันตภัยใหม่ก็กำลังจะมาถึง เมื่อสุดยอดนักล่ากำลังจะมาเปลี่ยนให้กรุงนิวยอร์ค กลายเป็นสนามไล่ล่าสุดอันตราย

สำหรับเนื้อเรื่อง เราคงจะพูดถึงได้เพียงเท่านี้ เพราะถ้าเกินกว่านี้จะเป็นการสปอยล์แล้ว และเราอยากให้ผู้เล่นไปเจอด้วยตัวเองจริง ๆ และเหมือนกับภาคแรก แม้จะมีการอ้างอิงเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ Spider-Man 2 ก็ยังเป็นการเขียนบท เขียนเนื้อเรื่องขึ้นมาใหม่ ผู้เล่นจะได้ลุ้นไปกับเนื้อเรื่องที่เดินเรื่องแบบกระชับ ฉับไว เข้มข้นตลอดชั่วโมงการเล่น

และตัวละครในภาคนี้ ไม่ได้มีแค่ที่เราเห็น แต่มันมีอีกเยอะ และแต่ละตัวก็จะมีฉากเด่น บทเด่นที่น่าจดจำของแต่ละตัวทั้งสิ้น คือในแง่เนื้อเรื่อง พูดกันตรง ๆ จากใจแฟนมาร์เวลที่ตามหนัง MCU มาตั้งแต่ Iron Man ภาคแรก เกมนี้ทำเนื้อเรื่องและเล่าเรื่องได้ดีกว่าหนังมาร์เวลในยุคนี้ซะอีก ในขณะที่ตอนแรกที่เรารู้ว่า ภาคนี้จะมีสไปเดอร์แมนถึงสองคน ก็เริ่มสงสัยละภาคนี้มันจะเล่าเรื่องยังไงให้ลงตัว เพราะมีทั้งปีเตอร์ มีทั้งไมลส์ แต่พอได้เล่นจริง นี่มันคือภาพยนตร์เรื่องนึงที่เราได้จับจอยเล่น เพื่อดำเนินเรื่องเองชัด ๆ มันเหมือนเรานั่งดูหนังบล็อคบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์อยู่สักเรื่อง ทั้งปีเตอร์ ทั้งไมลส์ มีความโดดเด่นด้วยกันทั้งคู่ และที่สำคัญเล่นจบแล้ว ผมอยากดูหนัง Kraven The Hunter เลย เป็นตัวร้ายที่ผมชอบมาก ๆ ในเกมภาคนี้ เสียดายที่มันเลื่อนยาวไป แต่เกมนี้มีทุกอย่างที่เราอยากจะเห็นและอยากจะสนุกแบบครบถ้วนจริง ๆ

เอาเป็นว่าเราแนะนำว่า ใครที่อยากอินกับว้าวกับทุก ๆ ซีนในเกมนี้ เกมออกก็รีบหามาเล่น ปิดกั้นทุกอย่างจากโลกโซเชียลเพื่อหนีสปอยล์ซะ เรารับประกันว่า มันคุ้มจริง ๆ สุดยอดมากครับ และฟุตเทจทั้งหมดที่คุณผู้ชมจะได้เห็นกันในวิดีโอรีวิวต่อไปนี้ จะมีไม่เกินช่วง 20% ของเนื้อเรื่องเท่านั้น เกินนั้นคือสปอยล์เช่นกัน เสียดายมาก ๆ เพราะตั้งแต่ช่วงกลางเกมขึ้นไป ฉากมันอลังการ และสู้กันมันมากทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละครับ ลองไปเล่นกันเองดูนะ !

PRESENTATION

การนำเสนอของ Spider-Man 2 ก็ยังคงเกมซูเปอร์ฮีโร่ในโลก Open World เหมือนกันกับภาคแรก แต่คราวนี้สิ่งต่าง ๆ ในภาคแรกจะถูกปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งการอัปเกรดให้ดีขึ้น แถมไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดด้วย

และคราวนี้เหมือนเขาหาจุดลงตัวระหว่างผู้เล่นที่ชอบเถลไถลจนเนื้อเรื่องไม่ไปไหนกับคนที่ดิ่งทำมันแต่เนื้อเรื่องอย่างเดียวได้แล้ว คราวนี้การจะเก็บ 100% จะไม่สามารถทำได้แต่แรก มันจะมีมิชชั่นบางอย่างที่ถูกล็อคเอาไว้ก่อน และจะค่อย ๆ ปลดล็อคไปเมื่อเราเล่นเนื้อเรื่องไปถึงจุดที่กำหนด ขอบอกเลยว่ามันมีบางอย่างที่ต้องดำเนินเรื่องไปจนถึงช่วงท้ายเกม ถึงจะปลดมาให้เราได้ทำกัน นั่นแปลว่าคุณอาจจะต้องเล่นเกมไปจนถึงเกือบจบ หรือจบแล้วค่อยมาไล่เก็บก็ได้ ถึงจะครบ 100% กัน และมิชชั่นเสริมก็ค่อนข้างหลากหลายซะด้วย  อาจจะมีบ้างที่แก่นหลักเหมือน ๆ กัน แต่รูปแบบการทำให้สำเร็จนั้นต่างกัน และมีอยู่อันนึงที่คิดว่าโหดใช้ได้เลย แต่มันส์มาก

ขนาดแผนที่ในเกมคราวนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเกมภาคแรก และเหมือนทีมงานเขาอยากให้เราเสพกราฟิก และบรรยากาศเมืองกันให้เต็มปอดก่อน คราวนี้เราจะไม่สามารถ Fast Travel ได้เลยตั้งแต่แรก เราจำเป็นจะต้องเคลียร์มิชชั่นเสริมในพื้นที่นั้น ๆ ไปให้ถึงระดับนึงก่อน ซึ่งมิชชั่นเสริมมันก็มีหลายตัวที่จะพาเรากินลมชมวิวไปในตัว นอกจากจะเพลินแล้ว ยังได้อัปเกรดตัวละครไปด้วย และให้ตาเยถอะ Fast Travel ของเกมนี้มันเจ๋งมาก นอกจากจะโหลดเร็วแล้ว มันสามารถไปลงที่จุดใกล้ ๆ ได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีจุดวาร์ปตายตัวอีกต่อไป คือเราจะไปโผล่ตรงไหนก็ได้ ขอแค่ปลด Fast Travel ในโซนนั้นแล้ว อันนี้คือดีมาก

บรรยากาศภายในเมืองก็ยังคงเป็นเหมือนกันกับภาคแรก แต่เพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้าไปอีก อาคารสูง ตึกใหญ่ต่าง ๆ จะมีให้เราห้อยโหนโจนทะยาน และปีนป่ายกันเพียบ และตัวตึกเองก็ไม่ได้เป็นการแปะภาพลงไปหลอก ๆ ถ้าเราลองไปปีนหน้าต่าง ไต่กำแพง เราจะเห็นว่ามันตีเป็นห้องเข้าไปเลย และมันมีเกือบทุกตึก ถึงแม้มันจะซ้ำ ๆ ไปบ้าง แต่แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว เอาจริง ๆ นี่คือสิ่งที่ภาคแรกทำไว้ แต่ภาคนี้เขาเอามาทำเพิ่มให้มันดูมีชีวิตชีวามากขึ้น การโหนใยผ่านต้นไม้ก็ทำให้เกิดใบไม้ปลิวกระจายใส่จออันนี้เป็นดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาทำได้ค่อนข้างดี และที่ผมชอบเลยคือ คราวนี้พลังชีวิตของเราจะมีผลกับชุดที่แสดง ถ้าเราเลือดเหลือน้อย สภาพชุดก็เละเทะ ขาดวิ่น เห็นเลือดเห็นเนื้อของทั้งปีเตอร์และไมลส์ อันนี้ถ้าเราเลือดน้อยแล้วไปเข้าคัทซีน ชุดมันก็เละเทะตามสภาพจริง ๆ ด้วยนะ

กราฟิกก็ต้องบอกว่า สมกับยุคสมัย แม้จะมีบางช่วงที่รู้สึกว่ามันหยาบ ๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เลวร้าย เพราะภาพรวมของมันนั้นสุดยอดมาก นึกสภาพว่าการจำลองเมืองเสมือนจริงลงมาขนาดนี้ ทุกซอกทุกมุมยังมีรายละเอียดเล็กน้อย ทั้งการวาง Puzzle การวางจุดต่อสู้ มันคือเกม Open World ที่ถ้าผมไม่ต้องรีบเล่นให้จบเพื่อทำรีวิว ผมน่าจะไม่ใช้ Fast Travel เลย จะได้ชมเมืองนี้แบบครบทุกภาคส่วน

และที่ผมว่าแฟน ๆ น่าจะชื่นชอบจริง ๆ โดยเฉพาะแฟน ๆ สไปเดอร์แมน ก็คือเรื่องชุด ชุดของปีเตอร์และไมลส์ในภาคนี้ มันเยอะมาก ๆ เอาเท่าที่ผมนับดู ปีเตอร์จะมี 32 ชุด และไมลส์จะมี 31 ชุด มีชุดบางส่วนได้รับจากเนื้อเรื่อง บางส่วนต้องเลเวลถึงเพื่อปลดล็อค ใครเป็นแฟนเดนตายสไปเดอร์แมน คุณจะสนุกกับการไล่สะสมชุดมาก ๆ และชุดบางชุด ยังมาพร้อมกับเฉดสีที่เราปลดล็อคเพิ่มได้อีกทีด้วย แต่งเอาหล่อเอาเท่กันได้เต็มที่

และสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของเกมภาคนี้เลยก็คือ การนำเสนอนี่แหละ ในทุก ๆ ภารกิจเนื้อเรื่อง มันมักจะมาพร้อมกับฉากแอ็คชั่นสุดอลังการ ที่คุณเห็นทั้งหมดในตัวอย่าง หรือในวิดีโอรีวิวตัวนี้ มันเป็นส่วนน้อยมาก ๆ เท่านั้น ของจริงเจอเพียบ เจอรัว เจอต่อเนื่อง มันน่าจะเป็นเกม Open World เกมแรก ที่ผมไม่พยายามออกนอกลู่นอกทางมาก เพราะอยากรู้ว่าเนื้อเรื่องจะเป็นยังไงต่อ และก็ไม่ผิดหวัง มันเข้มข้นตั้งแต่ต้นยันจบเลย เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ ครับ แต่ข้อเสีย สำหรับบางคนเท่านั้น คือมันจะว้าวแค่การเล่นรอบแรกเท่านั้น เพราะถ้าเรามาเล่นซ้ำ ฉาก เหตุการณ์ คำพูด มันก็จะเหมือนเดิมเกือบหมด ดังนั้น ก็เหมือนกับที่ผมบอกในหัวข้อเนื้อเรื่อง พยายามอย่าโดนสปอยล์มาก่อนนะครับ เจอเองพีคสุด แต่ถึงมันจะว้าวแค่รอบแรก แต่เกมเพลย์มันก็ยังชวนให้เราเล่นซ้ำอยู่ดี

และจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องของภาษาไทยในเกม ก็ถือว่าแปลได้ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานของเกมจาก sony และอาจจะเพราะบทภาคนี้มันไม่ได้สำบัดสำนวนอะไรมาก เราเลยไม่ค่อยเห็นการ Localize บางบริบทให้เป็นไทย แต่ถึงอย่งานั้นเราก็จะได้เห็นปีเตอร์ยิงมุกแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว การแปลไทยในภาคนี้ทำให้คุณอินกับเนื้อเรื่องมากขึ้นแน่นอน จะมีสิ่งที่น่าติ แต่ไม่ได้ร้ายแรงจนต้องหักคะแนนก็คือ มันยังมีปัญหาเรื่องการตัดตัวอักษรอยู่ดี เราจะเห็นว่าจะมีบางช่วงที่ซับมันตัดคำแบบแปลก ๆ ซึ่งก็น่าจะมาจากเรื่องของตัวหนังสือไทยนี่แหละ มีมาให้เห็นตั้งแต่ God of War Ragnarok แล้ว แต่มันไม่ได้ทำลายอรรถรสเราเท่าไร เอาเป็นว่าเกมนี้แปลไทยก็ยังยอดเยี่ยม

และคอนเทนต์ของเกมนี้ แม้จะเป็นเนื้อเรื่องเพียว ๆ ไม่มี Co-op ไม่มี Multiplayer แต่ความยาวของเนื้อเรื่องก็ถือว่าจัดเต็ม ครั้งแรกที่ผมเล่นจบ จบแบบไม่ได้เก็บ 100% มีแวะฟาร์มบ้าง เพื่อให้ตัวละครเก่งขึ้น ก็ยังใช้เวลาไป 30 ชั่วโมงเต็ม ๆ ใครสายแวะฟาร์ม แวะกินลมชมวิว หรือเก็บทุกอย่างให้ครบ ภาคนี้อาจจะต้องใช้เวลา 50-60 ชั่วโมงขึ้นไป หลายคนอาจจะคิดว่ามันน้อยไปไหม แต่ไปลองเล่นกันดูได้ ผมว่านี่แหละ พอดิบพอดีแล้ว

ต้องบอกว่าจัดหนักจัดเต็มจริง ๆ แม้ปกติจะไม่ค่อยเสียดายเงินเวลาซื้อเกมมากนัก แต่พอได้เล่นเกมนี้แล้ว ผมก็ตั้งคำถามเหมือนกันว่า เราเสียเงินซื้อเกม 70$ ทั้งที ขอแบบ Spider-Man 2 เป็นมาตรฐานได้ไหม ? ก็รู้ว่ามันทำได้ยากแหละ ไม่ใช่ทุกเกมจะทำได้ขนาดนี้ แต่ถ้าอนาคตเจอเกมแบบนี้เรื่อย ๆ ไม่ต้องมากหรอกครับ สักปีละ 1-2 เกม ผมก็พอใจแล้ว คุ้ม !

GAMEPLAY

เรเาคยคิดว่า Marvel’s Spider-Man มันก็คือเกม Ubisoft ดี ๆ นี่แหละ เป็นโลกเปิดกว้าง ๆ มีอะไรให้ทำเยอะแยะมากมาย แต่เขาดีไซน์ให้มันสนุก และมีชีวิตชีวา และภาคนี้เองก็เช่นกัน คอร์เกมเพลย์ยังคงเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมให้มิชชั่นแต่ละแบบมันดูไม่จำเจจนเกินไปนัก

ใครติดใจเกมภาคที่แล้ว เพราะระบบการต่อสู้ ก็ยินดีด้วย เพราะภาคนี้คุณจะได้บู๊กันแบบจัดหนัก จัดเต็ม เอากันจนเมื่อยมือไปข้าง และทวีความดุเดือดมากยิ่งขึ้นไปด้วย สำหรับใครที่ไม่เคยเล่น เกมการต่อสู้ของ Spider-Man นั้น จะมีความคล้ายกับซีรีส์ Batman: Arkham แต่จะตึงมือกว่าพอสมควร Movement และท่วงท่าที่เราออกได้ จะเยอะกว่า แต่เราก็แทบจะไม่ได้พักหายใจหายคอ เอาแค่มิชชั่นหลักเนื้อเรื่อง เกมแทบจะให้เรารัวปุ่มต่อสู้กันต่อเนื่อง 15-20 นาทีขึ้นไป เอากันจนเมื่อยมือ แต่ก็ดุเดือดและสนุกจริง

การต่อสู้ของเกมนี้จะไวมาก ๆ และจังหวะ i-frame ก็น้อยหรือแทบไม่มีเลย ในภาคนี้ทั้งปีเตอร์และไมล์สจะสามารถ Parry ได้ การ Parry จะช่วยเติมหลอดโฟกัสให้ไวขึ้น โดยหลอดโฟกัสจะเลือกใช้ได้สองแบบ แบบแรกคือใช้ท่าปิดฉากหรือ Finish Move ส่วนอีกวิธีคือใช้ฟื้นพลังชีวิต อันนี้แหละที่ทำให้มันสนุก ในจังหวะสู้บอส ถ้าเราพลาดท่าโดนฟาดหนัก ๆ ขึ้นมา แล้วหลอดโฟกัสไม่พอจะเติมเลือด เราก็ต้องเล่นให้เก่ง Parry ให้แม่น หลบให้เป๊ะ ไม่งั้นก็เตรียม Continue Checkpoint ได้เลย จริง ๆ ไม่ใช่แค่สู้กับบอส แต่ศัตรูทุกตัว การใช้ระบบนี้ทำให้ผู้เล่นต้องตื่นตัวในการต่อสู้ตลอดเวลา

Quick Time Event ในภาคนี้เขาก็ใส่มาได้พอเหมาะ มีไม่มากเกินไป แต่ทุกครั้งที่มี มันจะอยู่ในช่วงที่เรากำลังลุ้นระทึกอยู่กับเกมตรงหน้า ดังนั้นผมคิดว่าเขาทำได้ดีแล้ว และส่วนมากการกด Quick Time Event เนี่ย จะอยู่ในส่วนของคัทซีนเนื้อเรื่องหลักซะเป็นส่วนใหญ่ ในเกมเพลย์ปกติไม่ค่อยมี ซึ่งผมว่าโอเคเลย เพราะเรากำลังมีอารมณ์ร่วมกับเนื้อหาตรงหน้าจริง ๆ ไม่ใช่อยากจะเล่นชิว ๆ แล้วต้องมาโดน QTE ขัดจังหวะ

และเกมนี้เวลาเราเจอศัตรู เราจะเจอหลายแบบพร้อมกัน ทั้งตีใกล้ ตีไกล บินบนฟ้า หรืออยู่บนดิน และศัตรูพวกนี้มันจะชอบโจมตีเราในระยะเวลาที่กระชั้นชิดมาก ๆ ดังนั้นไทม์มิ่งเราจึงต้องเป๊ะ และต้องไม่ลืมว่าตัวละครของเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ในภาคนี้เราจะมีความสามารถหลัก ๆ สองแบบ แบบแรกคือท่าโจมตีต่าง ๆ ที่ทำได้โดยการกด L1 ค้าง ส่วนอีกแบบจะเป็นการกดใช้ Gadget หรือเครื่องมือเสริม ซึ่งเขาก็ Mapping ปุ่มมาได้ดีมาก ในช่วงแรกเราอาจจะยังติดขัด เพราะสปีดเกมสูง ต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถ้าเล่นจนคล่อง การต่อคอมโบ การผสานกับ Gadget และมุมกล้อง จะทำให้คุณรู้สึกว่า ว้าว นี่ล่ะ สไปเดอร์แมน มันต้องแบบนี้

และด้วยความที่เราเล่นเป็นสไปเดอร์แมนได้ 2 ตัว มิชชั่นเสริมแต่ละแบบจำเป็นจะต้องใช้สไปเดอร์แมนคนละคน แต่ของรางวัลที่เราได้มา จะสามารถใช้ร่วมกันได้ อย่าง Skill Tree ในภาคนี้ จะเป็นสามผัง ผังแรกของปีเตอร์ อีกผังของไมลส์ และอีกผังจะใช้ร่วมกันได้ ผังที่ใช้ร่วมกัน จะเป็นแนว Movement ในการเคลื่อนไหวและการโหนใยมากกว่า สกิลต่อสู้ของปีเตอร์และไมลส์ก็จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ฝั่งปีเตอร์จะเป็นการใช้อุปกรณ์เสริมพลัง ส่วนไมลส์จะมีพลังสายฟ้ามาใช้ แต่บอกเลยว่า จัดหนัก จัดเต็มกันทั้งสองฝ่าย

ทางด้านชุด ใครชื่นชอบแฟชั่นก็สบายใจได้ คราวนี้ชุดแต่ละชุดที่ปลดมา จะไม่มีสเตตัสติดมาให้อีกแล้ว หมดปัญหาชุดนี้สวยแต่สเตตัสไม่ดี คราวนี้ความสามารถจะไปยัดรวมอยู่ที่เทคโนโลยีชุดแทน เราจะเลือกได้ว่าจะอัปเกรดพลังโจมตี ความเร็ว พลังชีวิต ขยายหลอดโฟกัส และการที่จะอัปเกรดทั้งสกิลและชุดของไมลส์ได้ มันก็ต้องไปทำมิชชั่นเสริม ไปฟาร์ม ไปเก็บของ คือมันไม่ใช่ระบบ RPG ก็จริง แต่ตลอดเวลาเมื่อเราลุยเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ เราจะรู้สึกว่า เราควรจะตีแรงกว่านี้ เราควรจะมีหลอดโฟกัสมากกว่านี้ และคุณจะไปฟาร์มเองโดยที่เกมไม่ต้องบอก และมันก็ไม่ใช่การ Grinding ด้วย เล่นสักมิชชั่นสองมิชชั่น ปลดล็อคเพิพ่มสักอย่างสองอย่าง จะกลับมาลุยต่อก็ได้ ที่เหลือก็พึ่งฝีมือคุณเอง

อีกวิธีการต่อสู้นึงที่ผมไม่ค่อยได้พูดถึง คือการ Stealth เกมนี้จะมีบางมิชชั่นที่เราสามารถลอบเร้นได้ และมันเป็นทางเลือกที่ดี เวลาเจอฝูงศัตรูเป็นสิบ ๆ ตัว แต่ส่วนตัวผมไม่ Stealth เลยอะ เอียนมาจาก Assassin’s Creed Mirage แล้ว เล่นเกมนี้ เจอฝูงศัตรูคือโดดเปิดก่อนเลย เจอศัตรูรุมเป็นสิบแล้วคอมโบมัน ๆ ตึง ๆ ดีกว่า แต่อย่างว่า แล้วแต่ความชอบ ใครเล่นอยากลอง Stealth ดูก็ได้นะ อย่างน้อยมันช่วยตัดกำลังศัตรูได้เยอะจริง ๆ

และถึงแม้ว่าเราจะโชว์ฟุตเทจในส่วนของบอสไฟท์ไม่ได้ แต่เราอยากบอกว่าเกมนี้บอสไฟท์ มันส์มาก เป็นประสบการณ์สู้กับบอสที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ในช่วงหลัง ๆ มานี้ของผมเลย มันต้องตื่นตัว ต้องตอบสนองรวดเร็ว ต้องเลือกจัดการความเสี่ยงให้ดี เลือดเรามีเท่าไร ใช้โฟกัสเติมเลือดหรือปิดฉากศัตรู จะ Parry หรือจะหลบ มันทำให้เกมนี้มีการต่อสู้ที่สนุก รวดเร็ว และสะใจมาก และผมรู้สึกว่าบางครั้งมันก็ตึงมือมาก ๆ ดังนั้นใครที่เป็นเกมเมอร์สายแคชชวล ผมบอกตรงนี้เลยว่า ถ้าไม่ไหวจริงก็อย่าฝืน เปิดโหมดยืดระยะเวลา Parry หรือลดความยากลงได้ เกมมันเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับผม โหมดความยากระดับ Amazing และ Default Setting ในส่วนของ Gameplay เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว

เล่ามาขนาดนี้ ก็ตามนั้นแหละครับ ไม่รู้จะหาข้อเสียอะไรให้มัน เกมเพลย์มันสนุก ชวนติดพันมาก ๆ จะเถลไถลไปฟาร์มของ หาชุดเพิ่ม หรือจะเข้าสู้กับเนื้อเรื่องหลัก ทุกวินาทีในเกมนี้ทั้งการห้อยโหนโจนทะยาน การต่อสู้ที่เราต้องตื่นตัวกับมันตลอดเวลา นี่เป็นเกมที่ผมยกนิ้วให้เลยว่า สุดยอดจริง ๆ

PERFORMANCE

ขึ้นชื่อว่าเกม Exclusive PlayStation 5 ก็หมดปัญหาเรื่อง Performance ไปได้เลย แต่ที่ต้องชมจริง ๆ ของเกมนี้ คือเรื่องของ Accessibility หรือการเข้าถึง เกมจาก PlayStation นี่ เขากะจะให้ทุกคนเข้าถึงกันได้ตลอด เปิดการตั้งค่ามา เจอโหมดภาษามือด้วย อันนี้ยังไม่ได้ลอง แต่แค่เห็นก็ว้าวแล้ว

นอกจากนั้นการตั้งค่าเกมเพลย์ นอกจากการปรับความยากโดยรวมแล้ว เรายังปรับพวกเกมเพลย์ยิบย่อยได้อีก เช่นอยากให้ปริศนามันง่ายไหม อยากให้ยืดระยะเวลา Parry หรือเปล่า เติมเลือดอัตโนมัติหรือไม่ หรือมิชชั่นเสริมที่มีการไล่ติดตามเป้าหมาย จะทำให้การไล่ล่ามันง่ายขึ้นไหม คือปรับได้หมดเลย สำหรับคนที่อยากได้ความยากแบบ สู้ยาก แต่ปริศนาง่าย หรือยากมันทั้งหมดก็ทำได้

และที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือการปรับเฉดสีของหลายสิ่งหลายอย่างในเกม อย่างเวลาเราจะ Parry เนี่ย สไปเดอร์เซนส์มันจะทำงาน แต่มันจะเป็นสีขาวแดง บางทีสู้กันมั่ว ๆ ลายตา นี่ปรับให้เป็นสีน้ำเงิน ก็ทำได้ คือเฉดสีทุกอย่างในเกมนี้ ปรับได้หมด มันเยอะมาก

ทางด้านเรื่องงานภาพ นอกจากโหมด 4K 30 เฟรม ก็มีโหมดเน้นเฟรมเรทที่ 60 เฟรม ซึ่งแน่นอนว่าผมใช้โหมดนี้ แต่ถ้าใครที่ทีวีรองรับ ก็มีโหมด 120 เฟรมด้วย เอาให้ลื่นขึ้นไปอีก หรือใครอยากได้ภาพสวย ๆ เนียน ๆ มี Ray Tracing และเฟรมยังลื่นอยู่ ก็มีโหมด 40 เฟรมให้ด้วย พบกันตรงกลาง ภาพสวยกับลื่นไหล

ส่วนบั๊กที่เจอ นอกจากบั๊กการแสดงผลที่มันเล็กน้อยมาก ๆ เช่นนิ้วมือทะลุออปเจคเวลาหยิบของ หรืออะไรพวกนี้ คือมันไม่ส่งผลกระทบกับเกมเพลย์ ผมว่าไม่มีปัญหา และตัวเกมก็ลื่นไหลอยู่แล้ว อีกอย่างที่ขอชมอีกนิด คือเรื่องการโหลดฉาก Fast Travel เนี่ยแหละ แหม มันเท่จริง ๆ

Marvel’s Spider-Man 2 เป็นสุดยอดประสบการณ์เล่นเกมประจำปี ทำของเดิมให้ดีขึ้น เพิ่มของใหม่ให้ดุเดือดและเซอร์ไพรส์อีกมากมายที่คาดไม่ถึง เสียดายที่เราโชว์ให้ดูทั้งหมดไม่ได้ ลองไปว้าวกันเองด้วยตัวเอง

สำหรับคนอื่น Game of the Year จะเป็นเกมอะไร ก็สุดแล้วแต่ผู้เล่นจะชอบ แต่สำหรับผม เชื่อว่าต่อจากนี้ไปจนถึงวันงาน The Game Awards ผมไม่น่าชอบเกมไหนได้มากเท่าเกมนี้อีกแล้ว ผมยกให้เป็น Game of the Year ส่วนตัวของผมเลยสำหรับปีนี้

บทความแนะนำ